วางแผนประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพมีความจำเป็นแค่ไหน ควรซื้อเท่าไหร่ถึงจะพอดี เป็นคำถามที่หลายคนยังลังเลสงสัย เลยไม่ได้เริ่มซื้อประกันสุขภาพสักที อยากจะซื้อความคุ้มครองวงเงินสูงๆ แต่พอเห็นเบี้ยประกันแล้วก็หนาว เพราะเบี้ยที่จ่ายไปแต่ละปีเป็นเบี้ยที่จ่ายทิ้ง ไม่มีมูลค่าใดๆคืนกลับมาหากไม่เจ็บป่วย
การวางแผนประกันสุขภาพ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ถ้าเรามีที่ปรึกษา มาเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามง่ายๆกันค่ะ
- สำรวจสวัสดิการที่มีอยู่ว่ามีอะไรบ้าง เช่น สวัสดิการจากที่ทำงาน ประกันสุขภาพส่วนบุคคล ประกันสังคม หรือ บัตรทอง
- วงเงินความคุ้มครองที่มี เพียงพอต่อความจำเป็นในการรักษาในปัจจุบันหรือเปล่า เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลมีอัตราเพิ่มขึ้นปีละ 7-10% วงเงินที่มีอยู่ยังเพียงพออยู่ไหม ถ้ามีส่วนต่างค่ารักษาเกิดขึ้น เรามีความสามารถในการจ่ายหรือไม่ ถ้ามี เงินที่นำมาจ่ายกระทบแผนการเงินด้านอื่นๆไหม เช่น เงินที่เตรียมไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูกอาจถูกยืมมาใช้ในยามฉุกเฉิน
- สวัสดิการที่เราได้มาจากที่ทำงานคุ้มครองเราไปถึงอายุเท่าไหร่ เช่น ประกันสังคม ประกันกลุ่ม หรือ ได้รับพ่วงกับคนในครอบครัว หากต้องเปลี่ยนงาน หรือ เกษียณอายุไป สวัสดิการที่มีจะจบลง เราวางแผนอย่างไรหลังจากนั้น ถ้าไปซื้อประกันสุขภาพเพิ่มตอนนั้น เรายังจะสามารถสมัครทำประกันได้ในเงื่อนไขปกติ อยู่หรือเปล่า
- ความพึงพอใจรูปแบบการใช้บริการโรงพยาบาลจากสวัสดิการที่เรามี ความสะดวกสบายในการเข้ารับการรักษา ความสะดวกในการเดินทาง การรอคิวรักษา ฯลฯ ท่านพอใจหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับแต่ละคนค่ะ ในส่วนนี้
- หากต้องการซื้อประกันสุขภาพส่วนบุคคล สุขภาพของเราต้องแข็งแรง ไม่มีตรวจพบโรคใดๆ ก่อนทำประกันจึงจะได้รับความคุ้มครองครบถ้วน ไม่มีข้อยกเว้นความคุ้มครอง ถูกเพิ่มเบี้ย หรือ ปฏิเสธการรับประกัน ดังนั้นหากวันนี้ท่านยังแข็งแรงดี ทำประกันวันนี้คุ้มกว่า ทำในวันหน้า แน่นอนค่ะ
ข้อคิดพิเศษหากเรามีโรคประจำตัว และต้องการซื้อประกันสุขภาพ สามารถปรึกษาและยื่นเอกสารการสมัครพร้อมประวัติการรักษา โดยยังไม่ต้องชำระเบี้ยก่อนได้ เพื่อให้บริษัทพิจารณา หากสามารถรับประกันได้จะมี 3 แนวทาง คือ
1)ยกเว้นความคุ้มครองที่เป็นมาก่อน
2)เพิ่มเบี้ยประกันตามอัตราความเสี่ยงที่มากกว่าคนทั่วไป
3) รับสัญญาได้บางตัวตามข้อจำกัดของสุขภาพ
- หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องเข้ารับการรักษาด่วน แต่ไม่เข้าข่ายสิทธิ์ UCEP รักษาฟรี 72 ชม.แรกที่รัฐคุ้มครองค่าใช้จ่าย แล้วเราต้องเข้า รพ.เอกชนที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะย้ายไปรักษา รพ.ที่เราเบิกค่ารักษาได้ ค่าใช้จ่ายส่วนแรกนี้ คิดว่าประมาณเท่าไหร่ และเราได้สำรองเงินเตรียมไว้หรือยัง
- ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรง ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก มีผลกระทบต่อฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัว ดังที่เราเคยได้ยินว่า มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ต้องกู้ยืมเงินมาเป็นค่ารักษา ท่านคิดอย่างไร หากโชคร้ายนี้เกิดกับเราหรือคนในครอบครัวของเรา
หากท่านคิดว่า ประกันสุขภาพ เป็นเรื่องจำเป็นที่จะใช้เป็นเครื่องมือจัดการความเสี่ยง ท่านสามารถจะตรวจสอบเบี้ยประกันไว้ประกอบการพิจารณาได้ค่ะ ว่าความเสี่ยงเท่าไหร่ ที่จะโอนย้ายไปให้ บ.ประกันรับ ความเสี่ยงเท่าไหร่ที่ท่านจะเตรียมรับไว้เอง เบี้ยประกันที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและความพึงพอใจของเรา สามารถวางแผนได้ค่ะ
☘เบี้ยประกันเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ สามารถช่วยครอบครัวเราได้ยามจำเป็น
☘การซื้อประกันในวันที่สุขภาพแข็งแรง แม้ไม่ได้เบิก แต่ก็เป็นการรักษาสิทธิ์การซื้อไปถึงวันที่เราอาจจะป่วยหนักและต้องใช้มันจริงๆ
☘แม้ว่าคุณไม่ได้เบิกเลยตลอดสัญญา แต่คุณมีสุขภาพดีไปตลอดรอดฝั่ง คุณก็ได้กำไรชีวิตไปแล้วค่ะ
ปรึกษาการวางแผนประกันสุขภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก